ผมเชื่อว่าหลายๆคน ที่ทำธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงวิกฤตโควิด ซึ่งมีอัตรการแพร่ระบาด เกือบ 𝟯,𝟬𝟬𝟬 คน/วัน และไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกไหม น่าจะมีคำถามอยู่ในใจ
.
“ ยอดขาย ยอดจองห้องพัก หายไปแทบไม่มี จะทำอย่างไร
”
.“ เราควรกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางใดบ้าง
”
.
และด้วยธุรกิจอสังหาฯที่มูลค่าสูง บางคนใช้สินเชื่อ คือไปกู้มา ทำธุรกิจซึ่งมีภาระดอกเบี้ยต้องจ่ายทุกเดือน
.
ความกังวล และความไม่มั่นใจในการทำธุรกิจย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย
.
โดยส่วนตัวผมก็ได้รับผลกระทบในธุรกิจอสังหาฯเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่ช่วยบรรเทาความกังวลใจได้ คือการตั้ง “#สติ”
.
หลายคนอาจคิดว่า บอกให้ตั้งสติ มันก็พูดง่ายนะ แต่พอตื่นเช้ามารอฟังรายงานข่าว จำนวนคนติดเชื้อทุกวันช่วงสายๆ สติก็แทบหลุดทุกครั้ง
.
ผมอยากให้มองอีกมุมว่า ทุกคนอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน ด้วยทรัพยากรที่มีแตกต่างกัน
.
แต่ใครจะสามารถบริหารจัดการได้ดีกว่ากัน หลังจากวิกฤตผ่านไป แม้ว่าอาจจะยังไม่ได้หมดสิ้นไป
.
แต่ผมเชื่อว่ายังไงวิกฤตก็ต้องคลายลงกลับมาอยู่ในสภาพที่ใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับสภาพปกติ
.
โดยสิ่งแรกที่เราต้องวิเคราะห์คือ “#ธุรกิจเราอยู่ในจุดไหน”
.
เราเหลือกระแสเงินสดมากแค่ไหน ต้องเจรจารต่อรองกับเจ้าหนี้ Supplier หรือธุนาคารไหม
.
เรามี fix cost มากน้อยแค่ไหน
.
..สิ่งที่ต่อมาที่ควรพิจารณาคือ เราจะวางกลยุทธและทำตลาดต่อไปอย่างไรดี
.
โดยการที่เราจะวางแผนธุรกิจนั้น เราจำเป็นต้องมี “#ข้อมูล” เข้ามาช่วยประกอบการตัดสินใจวางกลยุทธ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลเชิง “#สถิติ” ดังนี้
.
.
แนวโน้มภาพรวมของธุรกิจเป็นอย่างไร
.
ทั้งในกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มที่อยู่อาศัย
.
โดยสามารถใช้เครื่องมือ Google Trends, Urbersuggest หรือเครื่องมือที่สามารถดูปริมาณคำค้นหาก็จะพอทราบแนวโน้ม Demand ความต้องการในแต่ละอุตสาหกรรม
.
แน่นอนว่าถ้าอยู่ในช่วงขาลง เราก็ต้องวางแผนรับมือรอเวลา เมื่อ Demand เริ่มกลับมา ไม่ใช่ทุ่มสุดตัวฝืนกระแส โดยคาดหวังจะได้ยอดขายให้เท่า หรือใกล้เคียงกับ ก่อนช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดใหญ่
.
เพราะถ้าเราทุ่มสุดตัว เวลาช่วงที่ธุรกิจเกิดการกลับตัวมาใกล้เคียงกับสภาพปกติจริงๆ ทรัพยาการบุคคล การเงิน เราอาจจะมีไม่มากพอแล้ว
.
.
.
แนวโน้มธุรกิจของเราผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ ซึ่งก็มีหลายช่องทาง𝗚𝗼𝗼𝗴𝗹𝗲 𝗔𝗱𝘀𝗚𝗼𝗼𝗴𝗹𝗲 𝗔𝗻𝗮𝗹𝘆𝘁𝗶𝗰𝘀𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸 𝗔𝗻𝗮𝗹𝘆𝘁𝗶𝗰𝘀𝗟𝗮𝘇𝗮𝗱𝗮𝗔𝗶𝗿𝗯𝗻𝗯𝗟𝗶𝗻𝗲𝗢𝗔, 𝗟𝗶𝗻𝗲 𝗔𝗱𝘀𝗧𝗶𝗸𝗧𝗼𝗸 𝗔𝗱𝘀โดยทุกช่องทางการตลาดมีระบบการเก็บข้อมูล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง
.
ซึ่งหากเราสามารถอ่านข้อมูล “#สถิติ” เพื่อให้รู้ว่า ทำไมเราหรือช่วงไหนเรามียอดขายจากช่องทางใด หรือทำไมหรือช่วงใดเรามียอดขายตก
.
จะทำให้เราสามารถวางแผนการใช้งบในช่องทางการตลาดต่างๆ
.
ไม่ใช่เพียงแค่อัดเงินเพื่อต้องการยอดขาย เพราะถ้ารู้แค่นั้น เปรียบเสมือนเราทำธุรกิจแบบปิดตา แล้วจ่ายเงินอย่างเดียว โดยหวังว่า จะมียอดขายเพิ่มขึ้น
.
การดูข้อมูลและ “#อ่านข้อมูลสถิติ” ให้เป็น เป็นเหมือนแว่นตานำทาง ที่ทำให้เรามองเห็นภาพธุรกิจของเราชัดเจนขึ้นว่าควรวางกลยุทธในการทำธุรกิจอย่างไร
.
บางช่วงต้องรีบ “รุก” บางช่วงต้อง “ถอย” เพื่อรอเวลา… ซึ่งผมเคยโพสต์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เราควรมีช่องทางการตลาดหลายช่องทางเพื่อสามารถนำข้อมูล สถิติ มาวัดผลได้ว่า
.
ธุรกิจเรามีปัญหาหรือเติบโตจริงๆ ไม่ใช่ประเมินวัดผลจากช่องทางการตลาดเพียงช่องทางเดียว ซึ่งบางครั้ง ช่องทางการตลาดนั้น เติบโตหรือมีปัญหา เราจะไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของทิศทางตัวธุรกิจเราได้เลย
.
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าเราเก็บข้อมูล “สถิต” ไว้ เราก็จะมี “สติ” ลดการวิตกกังวลไปได้ (แม้ว่าจะยังวิตกอยู่) เพื่อที่จะสามารถวางแผนธุรกิจต่อไปได้
.
รูปประกอบไม่ได้เกี่ยวกับบทความ…… แค่ไม่รู้จะไปไหนเลยพ
ฝ่าวิกฤติอสังหาฯ ยุคโควิด ด้วย “สติ” ผ่าน “สถิติ” (3)
![](https://www.klungbaan.com/wp-content/uploads/2021/06/175365866_111530371072968_66798281436529677_n.jpg)