อย่าเพิ่งทำบ้านเช่า ถ้าไม่รู้ว่าจะทำให้คนเช่าซ้ำๆ ยังไง

การทำบ้านเช่า กับการทำบ้านขายหรือธุรกิจก่อสร้างนั้น แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมอสังหาฯเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันคือ “#การซื้อซ้ำ“
.
การขายบ้าน หรือ ธุรกิจก่อสร้างบ้านนั้น สามารถทำกำไรสูงเพราะได้ส่วนต่างของ 𝐂𝐚𝐩𝐢𝐭𝐚𝐥 𝐆𝐚𝐢𝐧 ซึ่งแตกต่างจากการปล่อยเช่าที่อาศัยการทำกำไรจากการซื้อซ้ำ
.
ทำให้ “#ค่าการตลาด” ของธุรกิจบ้านเช่าจะมีต้นทุนต่ำกว่า การขายบ้านยิ่งถ้าเล่นรอบได้ถี่ขึ้น ก็จะทำให้สร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้นตาม
.
จึงเป็นเหตุผลที่ การปล่อยเช่ารายวัน มีผลตอบแทนที่สูงกว่า การปล่อยเช่ารายเดือน (ปล่อยเช่ารายชั่วโมง ก็มีผลตอบแทนสูงกว่า ปล่อยเช่ารายวัน)
.
และช่องการตลาดที่ทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำที่มีประสิทธิภาพสูงคือ “#การบอกต่อ” และยังไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แต่ความยากคือ ทำยังไงให้ผู้เข้าพักบอกต่อ จึงกลับมาที่ว่าเราต้องสร้าง “#ประสบการณ์ดีๆ” ให้ผู้เข้าพัก
.
.
ประเด็นต่อมาคือ ประสบการณ์ดีๆของแต่ละคนมีมาตรฐานไม่เท่ากัน อาทิเช่น เราทำบ้านพักสำหรับเด็กที่ใส่ใจและเตรียม อุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กเล็ก อาทิเช่น เก้าอี้กินข้าวเด็ก กะละมังอาบน้ำเด็ก
.
.
แต่ปรากฎว่าผู้เข้าพักเป็นกลุ่ม วัยรุ่น ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่ต้องการ แถมยังดูเกะกะ พื้นที่ในบ้านอีกด้วยเราจึงไม่สามารถสร้างประสบการณ์ดีๆให้กับคนทุกคน แต่เราต้องเลือกสร้างประสบการณ์ดีๆให้กับ “#บางคน” ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเรา
.
.
นอกจากนี้ “#ทำเล” แต่ละพื้นที่ก็ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น ทำเลใกล้สวนสัตว์ สวนสนุก ก็น่าจะเหมาะทำที่พักสำหรับครอบครัวที่มีเด็กมากกว่าทำที่พักเพื่อวัยรุ่น
.
ทำเลย่านใจกลางกรุงเทพใกล้รถไฟฟ้า ขนาดห้องกะทัดรัด ไม่มีที่จอดรถ ก็อาจเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มากกว่านักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเลือกว่าเราจะทำที่พัก “#สำหรับ” ใคร หรือ ใครคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรา
.
.
ถ้าเราวางแผนกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนตั้งแต่แรก ก็จะทำให้เราสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีและประทับใจให้ลูกค้าได้จนต้องบอกต่อ
.
ถ้าเราจับกลุ่มคนสูงอายุ แล้วเข้ามาพักแล้วสะดวกสบาย บันไดบ้านไม่สูง มีที่อาบนั่งอาบน้ำ มีสระว่ายน้ำระบบบำบัดผ่อนคลายหลังจากที่กลับไป เขาก็จะคิดถึงที่พักเรา
.
ถ้ากลุ่มครอบครัวเด็กเล็กมาพัก แล้วเด็กๆชอบ คนตัดสินใจจองห้องพักคือ “#พ่อแม่” แต่คนที่ทำการตลาดให้เราฟรีๆคือ “#ลูกๆ“
.
เมื่อลูกๆประทับใจ ลูกๆจะถามพ่อแม่ซ้ำว่า เมื่อไหร่จะไปพักอีก หรือแม้แต่ พ่อแม่ประทับใจก็อาจจะไปบอกต่อให้กลุ่ม พ่อแม่ ที่เป็นเพื่อนๆกันและมีลูกเล็ก
.
จะเห็นได้ว่าในระยะยาวหากเรา ตั้งใจ ใส่ใจ เลือกทำเลและตกแต่งบ้าน ให้เข้ากับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่พักเราจะสามารถทำเงินได้ในระยะยาวด้วยการ “#เช่าซ้ำๆ” ซึ่งมีค่าการตลาดน้อยมาก เมื่อเทียบกับการขายบ้าน
.
.
ดังนั้น การทำบ้านเช่า จึงดีกว่า การขายบ้าน ใช่ไหม ???? ………………. ไม่ใช่อย่างแน่นอน การนำบ้านมาขาย หรือ การปล่อยเช่า เป็นกระบวนการสร้างรายได้ในแต่ละช่องทางเท่านั้น โดยเป็นแนวทางการบริหารการลงทุนในแบบหนึ่ง คล้ายกับการ ซื้อหุ้นเก็งกำไร กับ หุ้นปันผล ซึ่งไม่มีคำตอบตายตัวว่าแบบไหนดีกว่ากัน
.
.
เพียงแค่ช่วง ในยุคโควิดที่เศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าหายไป รวมถึงการซื้อบ้านต้องอาศัยความสามารถทางการเงินในการ ยื่นกู้ ดังนั้นทำให้ช่วงนี้ การซื้อ-ขาย ทำได้ยากกว่าการปล่อยเช่า
.
.
ซึ่งหากเรา เปิดใจเรียนรู้เทคโนโลยี เราก็จะมีเครื่องมือในการบริหารจัดการ การลงทุนในอสังหาฯได้หลากหลายรูปแบบ
.
แม้แต่การให้เพิ่มมูลค่าโดยการพ่วงการเข้าพัก+เพิ่มประสบการณ์ลงไป ก็สามารถทำได้ใน 𝐀𝐢𝐫𝐛𝐧𝐛 𝐄𝐱𝐩𝐞𝐫𝐢𝐞𝐧𝐜𝐞 ทำให้ในยุคปัจจุบัน เราสามารถมีเครื่องมือเข้ามาช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนในอสังหาฯได้ง่ายมากขึ้น
.
.
แล้วถ้ามี 𝘽𝙪𝙨𝙞𝙣𝙚𝙨𝙨 𝙈𝙤𝙙𝙚𝙡 ที่ทำให้คน ซื้อบ้านซ้ำๆ ได้หลายหลังล่ะ จะเป็นไปได้ไหม ในครั้งต่อๆไป ผมจะมาแชร์ประเด็นนี้ให้นะครับ
.
ถ้าใครสนใจ มีข้อสงสัย หรือมีข้อแนะนำ ติชม สามารถคอมเม้นท์มาที่ https://www.facebook.com/YoPropertyTips/posts/101510942074911 ได้นะครับขอบคุณครับ
.
.
#คำเตือน: ถ้าวันนี้ทำอสังหาฯแล้วพลาด ติดมือ ก็พยายามตั้งสติดีๆครับ เพราะส่วนตัวผมก็พลาดอยู่เหมือนกัน
.
การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง เพียงแต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมาก ดังนั้นหากเราเปิดใจ
.
ศึกษาเพื่ออัพเดทความรู้เพิ่มเติม เราจะมีเครื่องมือในการแก้ไข อสังหาฯติดมือได้ง่ายขึ้น#ติดอาวุธให้อสังหาฯ